STRUCTURAL COMPARISON

 
ปักไม้ไผ่ชะลอคลื่น
ข้อดี
- เป็นแนวทางการป้องกันชายฝั่งที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (nature-based solution)
- กระจายรายได้สู่ท้องถิ่นในการจัดซื้อและการปัก
- ราคาถูก ทำได้ง่าย ใช้แรงงานคน
- เป็นแนวป้องกันเรือประมงบางประเภทที่เข้ามาทำอันตรายกับต้นกล้าไม้ที่ปักไว้
- มีความสามารถในการดักตะกอนด้านหลังโครงสร้าง
- มีผลกระทบต่อชายฝั่งข้างเคียงน้อย
- มีผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งน้อยกว่าโครงสร้างแบบอื่นๆ (จากการศึกษาของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง)

ข้อเสีย
- ไม้ไผ่ที่ปักลงไปเมื่อเริ่มกระบวนการผุสลายจะเป็นตัวการทำให้เกิดมลภาวะทางน้ำ
- เมื่อไม้ไผ่หมดอายุการใช้งาน จะหักโค่นตรงรอยต่อของดินกับน้ำทะเล ซึ่งอาจจะไปทับต้นไม้ที่ปลูกไว้ อาจกลายเป็นขยะลอยน้ำจำนวนมากบริเวณชายฝั่ง
   และอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศชายฝั่ง
- ไม้ไผ่เป็นตัวนำเพรียงให้เข้ามาเกาะและสามารถแพร่กระจายไปพื้นที่ข้างเคียง
- การสร้างแนวป้องกันต้องใช้ไม้ไผ่จำนวนมหาศาล ซึ่งหากนำมาจากป่า ก็จะเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ในการถางป่าไผ่
- อายุการใช้งานสั้น (2-4 ปี) จำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาตลอด
- การตกตะกอนด้านหลังโครงสร้างไม้ไผ่ชะลอคลื่น อาจไม่ถึงระดับที่ป่าชายเลนจะสามารถเจริญเติบโตได้ ก่อนที่แนวไม้ไผ่จะเสื่อมสภาพ ดังนั้นการประยุกต์ใช้
   จำเป็นต้องคำนึงถึงแหล่งที่มาของตะกอนและอายุการใช้งานของไม้ไผ่
 
 
 
เขื่อนกันคลื่น (Breakwater)
ข้อดี
- เป็นโครงสร้างทางวิศวกรรมที่มีทฤษฎีรองรับ
- มีประสิทธิผลในการลดพลังงานคลื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสูงและขนาดของโครงสร้าง
- ทำให้เกิดการตกตะกอนด้านหลังโครงสร้างอย่างชัดเจน
- ท้องถิ่นสามารถดำเนินการก่อสร้างเองได้ แต่ควรได้รับการออกแบบโดยวิศวกร

ข้อเสีย
- ในการก่อสร้างในหาดเลน ไม่สามารถก่อสร้างได้สูงเกินกว่า 2.5 – 3.0 เมตร เพราะเกิดการทรุดตัว ทำให้ประสิทธิภาพลดลง
- ไม่สามารถสร้างเป็นแนวป้องกันคลื่นนอกฝั่งได้ เพราะต้องใช้งบประมาณสูงในการปรับปรุงฐานราก
- ทำให้การถ่ายเทนํ้าไม่สะดวก อาจก่อให้เกิดปัญหาคุณภาพน้ำเน่าเสีย และป่าชายเลนเสื่อมโทรมได้
- ใช้งบประมาณปานกลาง-สูง ขึ้นอยู่กับรูปแบบและฐานราก
- อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชายฝั่งข้างเคียง
- ทำให้ทัศนียภาพทางชายฝั่งสูญเสียไป
 
 
ปักเข็มคอนกรีต
ข้อดี
- เป็นแนวสลายพลังคลื่นนอกชายฝั่ง
- เสริมให้เกิดการตกตะกอนที่ด้านหลังโครงสร้างมากขึ้น
- อายุการใช้งานยาวนาน
- การบำรุงรักษาน้อย
- มีผลของการทรุดตัวน้อย

ข้อเสีย
- ใช้งบประมาณสูง ขึ้นกับรูปแบบ จำนวนแถว และความยาวเข็ม
- ทำให้ทัศนียภาพทางชายฝั่งสูญเสียไป
- อาจเกิดอันตรายในการสัญจรทางน้ำ
- ประสิทธิภาพต่ำลงเมื่อความยาวคลื่นหรือคาบเวลาคลื่นมากขึ้น จึงเหมาะกับบริเวณที่คลื่นมีความรุนแรงน้อย
- เนื่องจากมีกลไกการสลายพลังงานคลื่นคล้ายกับ กำแพงกันคลื่น (seawall) อาจก่อให้เกิดการสะท้อนของคลื่นด้านหน้าโครงสร้างและส่งผลกระทบต่อระบบหาดข้างเคียง
 
 
ไส้กรอกทราย
ข้อดี
- เป็นโครงสร้างที่ผสมผสานระหว่างแนวทางธรรมชาติและทางวิศวกรรม
- เป็นแนวป้องกันคลื่นนอกชายฝั่ง
- ลดพลังงานคลื่นได้เกือบทั้งหมด ทั้งนี้ขึ้นกับความสูงของเขื่อน
- ใช้เป็นพื้นที่จอด/พัก เรือด้านหลัง จากคลื่นนอกฝั่ง
- ลักษณะโครงสร้างแบบกึ่งถาวร สามารถรื้อถอนออกได้
- ต้นทุนต่ำกว่าวิธีการป้องกันชายฝั่งแบบถาวร

ข้อเสีย
- อายุการใช้งานจำกัด อาจต้องมีการบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนใหม่เมื่อเสื่อมสภาพ จึงมีการใช้งบประมาณสูง
- มีการทรุดตัว หรือทรายรั่วออกมา ทําให้ประสิทธิภาพในการป้องกันชายฝั่งลดลง
- สำหรับกรณีก่อสร้างในหาดเลน ถ้าหากทรายรั่วออกมา จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาชายฝั่ง
- ทัศนียภาพทางชายฝั่งสูญเสียไป
- อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อชายฝั่งข้างเคียง
- หากติดตั้งไม่ดีอาจถูกคลื่นซัดออกจากตำแหน่งเดิม
 
 
โกงกางเทียม
ข้อดี
- เป็นแนวทางการป้องกันชายฝั่งรูปแบบผสม (hybrid solution) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันชายฝั่ง ที่อาศัยธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (nature-based solution)
- มีส่วนผสมของไม้ ทำให้ดูกลมกลืนกับธรรมชาติ
- น้ำหนักเบา ไม่มีผลต่อการทรุดตัว
- ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับเขื่อนกันคลื่น ไส้กรอกทราย หรือการปักเข็มคอนกรีต
- เป็นแหล่งหาอาหารของสัตว์น้ำ ได้ระบบนิเวศกลับคืนทันที
- เป็นแนวป้องกันเรือประมงบางประเภท ที่เข้ามาทำอันตรายกับต้นกล้าไม้ที่ปักไว้
- ออกแบบให้เว้นเปิดเป็นช่องทางสัญจรเรือขนาดเล็กได้
- รากไม้เทียม ช่วยในการสะสมของตะกอนทั้งแนวขนานและแนวตั้งฉากจากแนวชายฝั่ง เร่งการตกตะกอนและสะสมทราย
- เสริมให้ตะกอนมีเวลาในการตกตะกอนนานขึ้นบริเวณหลังแนวไม้
- เป็นโครงสร้างแบบโปร่ง มีผลกระทบต่อชายฝั่งข้างเคียงน้อย
- มีผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งน้อยกว่าโครงสร้างแบบอื่นๆ
- หากต้องการเลิกใช้งาน สามารถรื้อถอนหรือขยับรุกคืบขยายแนวชายฝั่งได้ง่าย
- ไม่ต้องศึกษา EIA

ข้อเสีย
- รูปแบบการติดตั้งไม่ตายตัว ระดับความสูงจำนวนชั้นของราก ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการออกแบบแต่ละพื้นที่จะแตกต่างกันออกไป ทำให้ต้องมีการศึกษาออกแบบอย่างละเอียด
  เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดต่อการรักษาเสถียรภาพ และฟื้นฟูชายฝั่ง
- อายุการใช้งานปานกลาง (ประมาณ 10 ปี) มีอายุการใช้งานยาวกว่าไม้ไผ่
 
 
 
 
Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้